ทำไมคนไทยถึงเสิร์ชหา “เน็ตฟรี VPN” กันเยอะจัง?

พูดตรง ๆ เลย คำว่า “เน็ตฟรี VPN” ในไทยมันมีอยู่สองความหมายปนกัน:

  1. สายเซฟค่าเน็ต:
    อยากหาวิธีเล่นเน็ตฟรี เน็ตไม่อั้น โดยใช้ VPN ไป “หลอกเครือข่าย” ให้คิดว่าเราไม่ได้ใช้ดาต้า
  2. สายห่วงความปลอดภัยแต่ไม่อยากเสียเงิน:
    อยากได้ VPN ฟรี เอาไว้ป้องกันตัวเวลาใช้ Wi-Fi ฟรีในห้าง คาเฟ่ มหาลัย ฯลฯ

สองกลุ่มนี้เจอปัญหาเหมือนกันคือ:

  • ไม่แน่ใจว่า เน็ตฟรี VPN มีจริงไหม ใช้ได้ยาวหรือแป๊บเดียว
  • กลัวว่าโหลดแอพมั่ว ๆ มาแล้วจะ โดนดูดข้อมูล / โดนมัลแวร์
  • งบไม่ได้เยอะ จะจ่ายรายเดือนก็เสียดายตังค์

บทความนี้เลยจะมาคุยแบบเพื่อนคุยกันว่า:

  • เน็ตฟรี VPN ที่คนแชร์กันในโซเชียลฯ มันทำงานยังไง เสี่ยงอะไรบ้าง
  • ต่างจาก VPN ฟรีแบบถูกกฎหมาย ยังไง
  • ปี 2025 มี VPN ฟรีตัวไหนที่ยังพอ “น่าใช้” และปลอดภัยสำหรับคนไทย
  • เมื่อไหร่ควรอัปเกรดไปใช้ VPN แบบจ่ายเงินให้จบ ๆ

อ่านจบ คุณจะรู้ทันทั้งพวก “เน็ตฟรี” และเลือก VPN เองได้แบบไม่ต้องเชื่อโฆษณาใครมากเกินไป


“เน็ตฟรี VPN” ที่เค้าแจกเซ็ตติ้งกัน มันคืออะไรแน่ ๆ

เวลาเราเห็นใน TikTok / กลุ่ม Facebook ที่แชร์กันว่า:

“ตั้งค่าแบบนี้ได้เน็ตฟรีทั้งเดือน ไม่ต้องเติมเงิน แค่ใช้ VPN ตัวนี้”

ส่วนใหญ่เบื้องหลังจะมีดีลประมาณนี้:

  • ให้เราไปเปลี่ยน APN / Proxy / DNS ในเครื่อง
  • ต้อง ติดตั้งแอพแปลก ๆ ที่ไม่อยู่ใน Play Store / App Store
  • หรือให้ รูทเครื่อง / เจลเบรค ก่อน

พูดตามตรง วิธีพวกนี้คือการไป “เล่นกับช่องโหว่ของเครือข่ายมือถือ”
มันอาจเคยใช้ได้ช่วงหนึ่ง แต่:

  • ถ้าค่ายมือถือปิดช่องโหว่ → เน็ตฟรีหายวับ
  • ถ้าแอพมีมัลแวร์ → ข้อมูลเราอาจถูกขโมยทั้งแชต รูป บัญชีธนาคาร
  • อาจ ผิดเงื่อนไขการใช้งานของโอเปอเรเตอร์ ได้ด้วย

ในมุมความปลอดภัยไซเบอร์ ช่วงหลัง ๆ ผู้เชี่ยวชาญเตือนกันหนักมาก เพราะจำนวนการโจมตีซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ อย่างงานวิจัยด้าน ransomware บนระบบเสมือนจริงก็พบว่า การโจมตีแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นหลายเท่าในปีเดียว ตามรายงานจากสำนักข่าวไอทีต่างประเทศที่เกาะติดเรื่องนี้แบบใกล้ชิด (อ้างอิง theregister, 9 ธ.ค. 2025)

สรุปสั้น ๆ:

ถ้าแอพ VPN ไหนบอกว่าทำให้ “เล่นเน็ตฟรีถาวร” โดยต้องแก้ระบบลึก ๆ ของเครื่องเรา ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าเสี่ยงสูง ไม่คุ้ม

เน็ตฟรีที่ชัวร์สุดตอนนี้ก็ยังมีแค่พวก:

  • โปรเน็ตฟรีที่ค่ายมือถือแจกเอง (ตามเงื่อนไขแต่ละค่าย)
  • Wi-Fi ฟรีที่ห้าง / มหาลัย / ร้านกาแฟให้ใช้
    → ตรงนี้แหละที่ VPN ฟรีแบบดี ๆ ยังมีประโยชน์มาก

แยกให้ออก: “VPN ฟรีเอาไว้เล่นเน็ตฟรี” vs “VPN ฟรีเอาไว้ป้องกันตัว”

ลองแยกสองแบบนี้ชัด ๆ ก่อนเลือกใช้ครับ/ค่ะ

1. VPN ที่โฆษณาว่า “ปลดล็อกเน็ต / เน็ตฟรี”

ส่วนใหญ่จะมีลักษณะ:

  • เว็บไซต์ดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีหน้า “About” ชัดเจน
  • ขอสิทธิ์ในเครื่องเยอะกว่าปกติ เช่น เข้าถึง SMS, รายชื่อ, ไฟล์ทั้งหมด
  • มีไฟล์ติดตั้งแปลก ๆ (.apk จากเว็บสุ่ม ๆ)
  • มีคลิปสอนให้ ปิดความปลอดภัยบางอย่างของเครื่อง ก่อนใช้

ความเสี่ยงหลัก

  • ข้อมูลหลุด: รหัสผ่าน, OTP, ข้อมูลธนาคาร อาจถูกส่งออกไป
  • ติดมัลแวร์แบบไม่รู้ตัว
  • ใช้ได้แป๊บเดียว แล้วเสียเครื่อง/เสียข้อมูลยาว ๆ

2. VPN ฟรีแบบจริง ๆ ที่เน้น “ปลอดภัยขึ้น”

พวกนี้คือ VPN ปกติที่เรารู้จักกัน แต่มี:

  • เวอร์ชันฟรี จำกัดความเร็ว / จำกัดดาต้า
  • เปิดให้ใช้ฟรีบนบางแพลตฟอร์ม เช่น Android หรือ iOS
  • เน้นเคสใช้เช่น:
    • เข้าสาธารณะ Wi-Fi อย่างปลอดภัย
    • ลดการถูกติดตามโฆษณา
    • เข้าถึงเว็บที่ปกติถูกบล็อกในบางประเทศ

ผู้ใช้ต่างประเทศจำนวนมากหันมาใช้ VPN ฟรีแนวนี้ โดยเฉพาะสายเดินทางที่ไม่อยากพึ่ง Wi-Fi ฟรีของสนามบิน/โรงแรมอย่างเดียว ตามบทความของ iphoneitalia ก็ยังย้ำเรื่องการเลี่ยงใช้ Wi-Fi สาธารณะเปลือย ๆ แล้วใช้โซลูชันอื่นที่ปลอดภัยแทน (9 ธ.ค. 2025)

ถ้าเป้าคุณคือ “อยากปลอดภัยขึ้น แต่ไม่อยากเสียเงิน” → กลุ่มนี้คือสิ่งที่ควรโฟกัส


ข้อดี–ข้อเสียของ VPN ฟรีปี 2025 แบบไม่โลกสวย

ปี 2025 VPN ฟรีพัฒนาขึ้นเยอะกว่าสมัยก่อนจริง หลายเจ้า:

  • ใช้ การเข้ารหัสระดับสูง แบบเดียวกับตัวเสียเงิน
  • มีแอพบน Windows, macOS, Android, iOS
  • บางเจ้ามีเซิร์ฟเวอร์ในยุโรป/อเมริกา ให้เราเปลี่ยน IP ไปได้

แต่ก็ยังมีข้อแลกเปลี่ยนชัดเจนอยู่ดี มาดูแบบตรง ๆ:

ข้อดีของ VPN ฟรี

  • ประหยัด – ไม่ต้องควักเงิน รายเดือน 0 บาท
  • เหมาะกับ:
    • ใช้งานชั่วคราว
    • ใช้เวลาเดินทาง
    • ใช้เฉพาะตอนต้องต่อ Wi-Fi สาธารณะ
  • ลองเทสก่อนจ่าย – เป็นทางดีสำหรับทดสอบว่า
    VPN มันช่วยจริงไหมก่อนจะสมัครแพ็กแบบเสียเงิน

ข้อเสีย/ข้อจำกัด

  • จำกัดดาต้า (เช่น 5–10 GB/เดือน) ดู Netflix แป๊บเดียวหมด
  • ความเร็วไม่คงที่ เพราะให้ priority ลูกค้าแบบจ่ายเงินจริง
  • เซิร์ฟเวอร์น้อย – ประเทศให้เลือกน้อย อาจไม่เข้าเว็บบางประเทศที่เราต้องการได้
  • บางเจ้าอาจ เก็บ log เพื่อเอาไปใช้ทำโฆษณา

ในต่างประเทศถึงขั้นมีผู้ให้บริการ VPN บางเจ้าออกมาเคลมหนัก ๆ ว่าตัวเองเน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะตอนนี้การกำกับดูแล VPN ในหลายภูมิภาคเริ่มเข้มขึ้น (อ้างอิง MENAFN รายงานกรณี BearVPN, 9 ธ.ค. 2025)
แปลว่าเรื่อง “ใครเก็บ log ใครไม่เก็บ” จะถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อย ๆ

สรุป
VPN ฟรี = เหมาะกับใช้ “เสริม” ความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าจะใช้จริงจังทุกวัน โดยเฉพาะ:

  • ทำธุรกรรมการเงิน
  • ส่งไฟล์งานสำคัญ
  • ดูสตรีมมิง HD หรือเล่นเกมออนไลน์

เรายังแนะนำให้ใช้ VPN แบบเสียเงินที่โปร่งใสและเสถียรกว่า


แล้วมี “VPN ฟรีดี ๆ” แนะนำไหม? (โฟกัสวิธีเลือกมากกว่ารายชื่อ)

ขอไม่แจกแจงชื่อแบรนด์ยาว ๆ แบบเว็บรีวิวทั่วไปนะครับ/ค่ะ เพราะมันเปลี่ยนบ่อย
แต่จะให้เช็กลิสต์ว่า ก่อนโหลด VPN ฟรี ควรดูอะไรบ้าง:

1. มีจากค่ายที่มีชื่อเสียงจริงไหม

  • มีเว็บไซต์ชัดเจน มีหน้า “Privacy Policy”
  • มีรีวิวจากหลายแหล่ง ไม่ใช่แค่หน้าเว็บตัวเอง
  • มีแอพใน Google Play / App Store
    → เลี่ยงให้สุดถ้าให้โหลด .apk จากเว็บที่ไม่รู้จัก

2. นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

เช็กคำเหล่านี้:

  • “no-log policy” หรือ “ไม่บันทึกกิจกรรมผู้ใช้”
  • บอกไหมว่าเก็บอะไรบ้าง เช่น:
    • เวลาเชื่อมต่อ (timestamp)
    • ปริมาณดาต้า
    • หมายเลขอุปกรณ์ (device ID)
  • เคยมี การตรวจสอบจากบริษัท third-party หรือไม่

3. ข้อจำกัดที่คุณรับได้

ก่อนกด “ยอมรับ” ลองตอบตัวเอง:

  • รับได้ไหมถ้าดูวิดีโอแล้วกระตุกบ้าง
  • ใช้ได้แค่เดือนละ 10 GB พอไหม
  • มีเซิร์ฟเวอร์ไม่กี่ประเทศ โอเคไหม

ถ้าเป้าหมายคุณคือ:

  • เช็คเมล
  • แชต
  • ทำธุรกรรมเล็กน้อยบน Wi-Fi สาธารณะ

VPN ฟรีตัวดี ๆ ก็ช่วยได้เยอะแล้ว


เปรียบเทียบ 3 สาย: เน็ตฟรีเถื่อน vs VPN ฟรี vs VPN เสียเงิน

ด้านล่างเป็นภาพรวมแบบเข้าใจง่ายระหว่าง:

  • สายล่า “เน็ตฟรีเถื่อน”
  • สายใช้ “VPN ฟรี” แบบถูกต้อง
  • สายจริงจัง “VPN เสียเงิน”
🧑‍💻 ประเภท🔐 ความปลอดภัย💰 ค่าใช้จ่าย📈 ความเสถียร/ความเร็ว🎯 เหมาะกับใคร
เน็ตฟรีเถื่อน + VPN แปลก ๆต่ำมาก เสี่ยงโดนดักข้อมูล/มัลแวร์เหมือนฟรี แต่ค่าเสียหายอาจสูงไม่แน่นอน ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างคนที่ยอมเสี่ยงสูง (ซึ่งโดยส่วนตัวไม่แนะนำ)
VPN ฟรี จากค่ายน่าเชื่อถือปานกลาง–สูง ขึ้นกับนโยบาย no-logฟรี (แต่จำกัดดาต้า/ความเร็ว)พอใช้ได้ สำหรับท่องเว็บ/แชต/เช็คเมลสายประหยัด ใช้บางเวลา เช่น ต่อ Wi-Fi สาธารณะ
VPN เสียเงิน จากแบรนด์ใหญ่สูงสุด มีฟีเจอร์เสริม เช่น Kill switch, Threat protectionประมาณหลักสิบ–ไม่กี่ร้อยบาท/เดือน (ถ้าซื้อแบบรายปี)เสถียรและเร็ว เหมาะกับสตรีมมิง/เกม/โหลดไฟล์คนใช้ทุกวัน, ทำงานออนไลน์, ดูหนัง/ซีรีส์ข้ามประเทศ

จากตารางจะเห็นชัดเลยว่า ของฟรีที่ไม่เสี่ยงมี แต่ของฟรีที่ทั้งเสี่ยงต่ำ ทั้งเร็ว ทั้งไม่จำกัดแทบไม่มี
คำถามคือเราโอเคจะจ่าย “ความเสี่ยง” แทน “เงิน” หรือเปล่า แค่นั้นเอง


เคสใช้จริงของคนไทย: เมื่อไหร่ควรใช้ VPN ฟรี เมื่อไหร่ควรยอมจ่าย

1) ใช้เน็ตมือถือเติมเงิน เน็ตหมดบ่อย

  • ถ้ากดโปรเน็ตไม่อั้นไม่ได้จริง ๆ และคิดจะลอง “เน็ตฟรีเถื่อน” → ขอให้หยุดคิดแป๊บ
    คุณอาจประหยัดได้ไม่กี่สิบ–ร้อยบาท แต่ความเสี่ยงคือ:
    • เครื่องพัง
    • ข้อมูลส่วนตัวรั่ว
    • โดนขโมยแอคเคานต์ธนาคาร/โซเชียล

ทางเลือกที่โอเคกว่า

  • เลือกโปรที่มีแถมโซเชียลไม่อั้น (หลายค่ายมี)
  • ใช้ Wi-Fi ฟรี + VPN ฟรี จากค่ายที่เชื่อถือได้ เวลาที่จำเป็นจริง ๆ

2) สายคาเฟ่/ห้าง ใช้ Wi-Fi ฟรีทั้งวัน

Wi-Fi ฟรีสบาย แต่ก็เสี่ยง:

  • คนอื่นในวงแลนเดียวกันดักดูทราฟฟิกได้
  • พวก phishing / หน้าเว็บปลอม

ต่างประเทศถึงกับแนะนำให้เลี่ยง Wi-Fi สาธารณะ แล้วใช้โซลูชันอื่นอย่างที่บทความของ iphoneitalia พูดถึง (Saily, 9 ธ.ค. 2025)
ในไทยเราอาจยังต้องพึ่ง Wi-Fi ฟรีอยู่เยอะ แต่สิ่งที่ทำได้คือ:

  • เปิดใช้ VPN ทุกครั้งที่ต่อ Wi-Fi ฟรี
  • อย่างต่ำใช้ VPN ฟรีที่เข้ารหัสทราฟฟิกให้เรา

3) นักเรียน–นักศึกษาที่ต้องหาข้อมูลจากเว็บต่างประเทศ

  • ต้องเข้าเว็บข่าว เว็บไซต์วิชาการ หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่บางทีช้ามากหรือเข้าไม่ได้
  • ใช้ VPN ฟรีเปลี่ยน IP ไปยุโรป/อเมริกาช่วยให้เข้าได้ แต่ต้องยอมรับ:
    • ความเร็วไม่เสถียร
    • ใช้ได้ไม่ตลอดทั้งเดือน เพราะติดลิมิตดาต้า

ถ้าใช้บ่อยถึงขั้นทำรายงาน/วิจัยตลอดปี แนะนำลอง:

  • มองแพ็กเกจ VPN เสียเงินที่เฉลี่ยแล้ว ต่อเดือนตกไม่กี่สิบบาท ถ้าซื้อแบบ 1–2 ปี
  • ถือเป็น “ค่าเทอมดิจิทัล” ไปเลย

4) คนใช้โซเชียล–สตรีมมิงช่วงที่เริ่มมีมาตรการคุมเข้มมากขึ้น

ปี 2025 จะเห็นข่าวต่างประเทศพูดถึงเรื่องการควบคุมโซเชียลมีเดียเยอะขึ้น โดยเฉพาะฝั่งที่เกี่ยวกับเยาวชน
ตัวอย่างเช่น Reddit เปิดตัวฟีเจอร์เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานวัยรุ่นทั่วโลกก่อนมาตรการใหม่ในบางประเทศจะเริ่มใช้จริง (อ้างอิง thestar_my, 9 ธ.ค. 2025)

สำหรับผู้ใช้ทั่วไปในไทย การใช้ VPN ช่วยได้ในมุม:

  • ซ่อน IP จริงเวลาเล่นโซเชียลหรืออ่านคอนเทนต์บางประเภท
  • ลดการเก็บข้อมูลเพื่อยิงโฆษณาจากหลายเว็บไซต์

แต่จำไว้ว่ามันไม่ใช่เกราะวิเศษ:

VPN = เครื่องมือป้องกันความเป็นส่วนตัว/ความปลอดภัย
ไม่ใช่เครื่องมือให้เรา “ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ”


เช็กลิสต์สั้น ๆ ก่อนกด “ติดตั้ง VPN ฟรี”

ใช้กับทั้งคอมและมือถือได้เลย:

  • แอพมาจาก Store ทางการ เท่านั้น (Play Store / App Store)
  • มีรีวิวจากผู้ใช้จริงจำนวนหนึ่ง และมีทั้งดี-ไม่ดี (แปลว่าของจริง)
  • มีเว็บไซต์ทางการ พร้อม contact ชัดเจน
  • อ่าน Privacy Policy แล้วเข้าใจว่าเก็บข้อมูลอะไรบ้าง
  • ไม่บังคับให้รูทเครื่อง / เจลเบรค
  • ไม่สั่งให้เราไปตั้งค่า APN / Proxy แปลก ๆ เพื่อแลกกับ “เน็ตฟรี”
  • ทดสอบกับแบงก์/งานสำคัญอย่างระมัดระวัง (หรือเลี่ยงใช้กับงานการเงินไปเลยสำหรับ VPN ฟรี)

ถ้าข้อไหนทำให้รู้สึกแปลก ๆ ให้คิดไว้ก่อนว่า ของฟรีที่เสี่ยงเกินไป = ไม่คุ้ม


MaTitie เวลาโชว์: เลือก VPN ให้คุ้มแบบคนมีสติ ไม่ใช่แค่คนอยากของฟรี

ในฐานะคอนเทนต์จากทีม MaTitie ที่คุยเรื่อง VPN มานาน สิ่งที่เราเห็นซ้ำ ๆ คือ:

  • คนส่วนใหญ่เริ่มสนใจ VPN เพราะอยากดูหนัง–ซีรีส์ต่างประเทศ หรือจะเล่นเกมข้ามเซิร์ฟ
  • แต่สุดท้ายประเด็นใหญ่ที่โผล่มาคือ ความเป็นส่วนตัวกับความปลอดภัย

ช่วงนี้ข่าวเรื่องภัยไซเบอร์ยิงมาไม่หยุด ทั้ง ransomware, มัลแวร์, และการแฮกระบบระดับใหญ่ ๆ นักวิจัยหลายที่ก็ออกมาเตือนให้ธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไป “ยกระดับการป้องกัน” ไม่ใช่รอให้โดนก่อนแล้วค่อยแก้

ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่า:

  • ใช้ VPN ฟรีแล้วติดลิมิตทุกเดือน รำคาญ
  • ดูสตรีมมิงแล้วกระตุก
  • ไม่แน่ใจว่าฟรีแบบนี้เขาหารายได้จากไหน (กลัวโดนขายข้อมูล)

เราแนะนำแบบเพื่อนเลยว่า ลองดูตัวท็อปตลาดอย่าง NordVPN ไว้ในลิสต์:

  • เซิร์ฟเวอร์เยอะทั่วโลก ช่วยเรื่องความเร็วและการเข้าถึงคอนเทนต์
  • ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยแน่นกว่า เช่น Kill switch, ป้องกันเว็บอันตราย
  • มีทั้งแอพบนมือถือและคอม ใช้งานไม่ยาก

ถ้ายังลังเล ลองเริ่มแบบรายเดือนหรือใช้โปรที่มี รับประกันคืนเงิน 30 วัน
ไม่โอเคก็ยกเลิกได้ ไม่ได้ขาดทุนอะไรหนักหนา

🔐 Try NordVPN – 30-day risk-free

หมายเหตุ: MaTitie จะได้คอมมิชชั่นเล็กน้อยถ้าคุณสมัครผ่านลิงก์นี้ แต่คุณจ่ายเท่าเดิมไม่บวกเพิ่ม


คำถามที่เจอบ่อยหลังอ่านเรื่อง “เน็ตฟรี VPN”

1. ถ้าจะใช้ VPN ฟรีตัวเดียวไปเลยยาว ๆ ทำได้ไหม?

ทำได้ แต่ต้องเข้าใจข้อจำกัด:

  • ดาต้าอาจไม่พอถ้าคุณดูวิดีโอหรือโหลดไฟล์เยอะ
  • ถ้าใช้พร้อมกันหลายเครื่องในบ้าน อาจเริ่มอืด
  • บางเจ้าในเวอร์ชันฟรีจะไม่รับประกันความเร็ว/การรองรับสตรีมมิง

ถ้าใช้หลัก ๆ แค่:

  • ท่องเว็บ
  • แชต
  • เช็คอีเมล

VPN ฟรีดี ๆ สักเจ้าก็อยู่ได้ยาว แต่ถ้าเริ่มใช้กับทุกอย่างในชีวิตประจำวันเมื่อไหร่
ส่วนใหญ่สุดท้ายก็ย้ายไปใช้แบบเสียเงินเพราะมันสะดวกกว่า

2. ใช้ VPN แล้วจะกันไวรัส/มัลแวร์ได้ 100% ไหม?

ไม่ครับ/ค่ะ VPN ไม่ใช่โปรแกรมฆ่าไวรัส

  • มันช่วย เข้ารหัสทราฟฟิก → คนกลางดักอ่านยากขึ้น
  • บางเจ้าเสริมฟีเจอร์บล็อกเว็บอันตราย → ลดโอกาสเจอมัลแวร์

แต่ไม่ว่าคุณจะใช้ VPN หรือไม่:

  • ถ้ากดลิงก์แปลก ๆ
  • โหลดไฟล์เถื่อน
  • ติดตั้งโปรแกรมเถื่อน

โอกาสติดมัลแวร์ก็ยังสูงอยู่ดี
ดังนั้นควรใช้ควบคู่กับ แอนติไวรัส และ “สติ” เวลากดทุกอย่างบนเน็ต

3. ถ้าเผลอใช้เน็ตฟรีเถื่อนมาก่อน ตอนนี้ควรทำยังไงดี?

แนะนำให้ทำตามนี้แบบด่วน ๆ:

  1. ถอนการติดตั้งแอพ VPN แปลก ๆ ทั้งหมด
  2. เปลี่ยนรหัสผ่านสำคัญทุกอัน:
    • อีเมลหลัก
    • ธนาคาร
    • โซเชียลมีเดีย
  3. เปิด 2FA (ยืนยันตัวตนสองชั้น) ให้ทุกแอคเคานต์ที่ทำได้
  4. สแกนไวรัส/มัลแวร์ทั้งเครื่อง
  5. ต่อไปถ้าจะใช้ VPN ให้ใช้จากค่ายใหญ่ หรือโหลดจาก Store ทางการเท่านั้น

ถ้ามีธุรกรรมการเงินผิดปกติ ให้ติดต่อธนาคารทันที ไม่ต้องรอดูอาการ


แหล่งอ่านต่อสำหรับคนอยากรู้เรื่องความปลอดภัยเพิ่ม

  1. “Protégez votre entreprise des menaces cyber avec Kaspersky, leader incontesté du secteur !” – zdnet_fr (9 ธ.ค. 2025)
    เนื้อหาพูดถึงการรับมือภัยไซเบอร์สำหรับองค์กร ผ่านโซลูชันของ Kaspersky
    อ่านต้นฉบับ (ภาษาฝรั่งเศส)

  2. “خلوا بالكم من هواتف الأبناء.. خبير أمن معلومات يوجه نصيحة مهمة للآباء” – elbalad_news (9 ธ.ค. 2025)
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลให้คำแนะนำผู้ปกครองเกี่ยวกับความเสี่ยงบนอินเทอร์เน็ตมืด
    อ่านต้นฉบับ (ภาษาอาหรับ)

  3. “Reddit adds global teen safety features ahead of Australia ban” – thestar_my (9 ธ.ค. 2025)
    เล่าให้เห็นภาพว่าพลตฟอร์มโซเชียลฯ ใหญ่ ๆ ก็เริ่มจริงจังกับความปลอดภัยของวัยรุ่นมากขึ้นแค่ไหน
    อ่านต้นฉบับ (ภาษาอังกฤษ)


สรุป + คำแนะนำสุดท้ายจากเพื่อนร่วมเน็ต

  • “เน็ตฟรี VPN” ที่โผล่ในคลิปสอนตั้งค่าแปลก ๆ ส่วนใหญ่ เสี่ยง มากกว่าคุ้ม
  • ถ้าอยากได้แค่ ความปลอดภัยเพิ่มขึ้นบน Wi-Fi ฟรี → VPN ฟรีจากค่ายใหญ่ ๆ ยังพอใช้ได้
  • ถ้าใช้ VPN เป็นเรื่องเป็นราว ทั้งทำงาน ดูหนัง เล่นเกม และห่วงความเป็นส่วนตัวจริงจัง:

ให้คิดว่า VPN ดี ๆ สักตัว = “ค่าสุขภาพดิจิทัล” รายเดือน
เหมือนเรายอมจ่ายค่าเน็ตบ้านเพิ่มนิดเพื่อความสบายใจและความเสถียร

ส่วนตัวมองว่า NordVPN เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่บาลานซ์ดีระหว่างราคา ฟีเจอร์ และความน่าเชื่อถือ:

  • เซิร์ฟเวอร์เยอะทั่วโลก → ดูสตรีมมิง/เล่นเกมข้ามประเทศลื่นกว่า
  • ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบ เหมาะกับคนใช้หลายดีไวซ์
  • มีนโยบายคืนเงิน 30 วัน → ไม่ถูกใจก็ขอเงินคืนได้

ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณจริงจังกับความปลอดภัยและความคุ้มค่าจริง ๆ
ลองให้โอกาสตัวเองได้ใช้ของดีสักเดือน แล้วค่อยตัดสินจากประสบการณ์ตรงดีกว่าปล่อยให้คำว่า “ของฟรี” มาคุมทุกการตัดสินใจนะครับ/ค่ะ

30 วัน

ไฮไลท์คืออะไร? ลองใช้ NordVPN ได้แบบไม่มีความเสี่ยง!

เรามีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน — ถ้าไม่พอใจ ยกเลิกได้และขอเงินคืนเต็มจำนวนภายใน 30 วันโดยไม่ต้องตอบคำถาม
รองรับวิธีชำระเงินทุกประเภท รวมถึงคริปโตเคอเรนซี่ด้วย

สมัคร NordVPN

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

บทความนี้จัดทำจากข้อมูลสาธารณะผสมกับการประมวลผลของระบบ AI เนื้อหามีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางกฎหมายหรือการเงินแบบเฉพาะบุคคล ก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือบริการใด ๆ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากผู้ให้บริการและแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติมด้วยตัวคุณเองเสมอ